วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2557

การสำระยะไกล

               
       การสำรวจระยะไกล

           การสำรวจข้อมูลระยะไกล (Remote Sensing) หมายถึง เป็นวิทยาศาสตร์และศิลป์ของการได้มาซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุ พื้นที่หรือปรากฏการณ์ จากเครื่องมือบันทึกข้อมูลโดยปราศจากการเข้าไปสัมผัสวัตถุเป้าหมาย โดยอาศัยคุณสมบัติของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นสื่อในการได้มาของข้อมูลใน 3 ลักษณะ  คือ ช่วงคลื่น (Spectral) รูปของสัณฐานโลก (Spatial) และการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลา (Temporal) 
              การสำรวจข้อมูลระยะไกลประกอบด้วย 2 กระบวนการ 
              1. การรับข้อมูล (Data Acquisition) โดยอาศัย 
               - แหล่งพลังงาน คือ ดวงอาทิตย์
               - การเคลื่อนที่ของพลังงาน
               - ปฏิสัมพันธ์ของพลังงานกับพื้นโลก
               - ระบบการบันทึกข้อมูล
               - ข้อมูลที่ได้รับทั้งในแบบข้อมูลเชิงตัวเลขและรูปภาพ 

              2. การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis) ประกอบด้วย
                2.1 การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสายตา (Visual Interpretation) 
                    การแปลตีความข้อมูลภาพจากดาวเทียมด้วยสายตาข้อมูลที่นำมาแปลตีความหรือจำแนกประเภทข้อมูลภาพจากดาวเทียมด้วยตา เป็น ข้อมูลที่อยู่ในรูปของภาพพิมพ์หรือฟิล์ม โดยภาพแต่ละช่วงคลื่นของการบันทึกภาพ อยู่ในลักษณะขาวดำจึงยากต่อการแปลตีความหมาย ด้วยสายตา การเลือกใช้ภาพสีผสม ซึ่งได้มีการเน้นข้อมูลภาพ (Enhancement) ให้สามารถจำแนกประเภทข้อมูลได้ชัดเจนและง่ายขึ้นนั้น สามารถทำได้โดยกำหนดสีของแต่ละช่วงคลื่นเลียนแบบระบบธรรมชาติ แล้วนำภาพที่ได้ให้แสงสีแล้วนี้ มารวมกัน 3 ภาพ (3 ช่วงคลื่น) เพื่อให้เกิดเป็นภาพสีผสมขึ้น ในช่วงคลื่นสั้นและยาว โดยใช้แสงสีน้ำเงิน เขียวและแดง ตามลำดับของแสงช่วงคลื่นที่สายตาสามารถมองเห็น จึงถึงช่วงคลื่นอินฟาเรด ภาพสีผสมที่ปรากฏให้เห็น คือ พืชพรรณ ต่างๆ จะปรากฏเป็นสีแดงหรือสีเขียว เนื่องจากปฏิกิริยาการสะท้อนสูง ที่คลื่นช่วงยาว ภาพที่พืชปรากฏสีแดง เรียกว่า ภาพสีผสมเท็จ (False Colour Composite – FCC) และภาพที่พืชปรากฏเป็นสีเขียว เรียกว่า ภาพผสมจริง (True Colour)
                องค์ประกอบในการแปลและตีความภาพถ่ายจากดาวเทียมด้วยสายตา
                 1. สีและระดับความเข้มของสี (Colour tone and brightness)
                 2. รูปร่าง (Shape)
                 3. ขนาด (Size)
                 4. รูปแบบ (Pattern)
                 5. ความหยาบละเอียดของเนื้อภาพ (Texture)
                 6. ความสัมพันธ์กับตำแหน่งและสิ่งแวดล้อม (Location and Association)
                 7. การเกิดเงา (Shadow)
                 8. การเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล (Temporal change)
                 9. ระดับสี (Tone)
                    นอกจากองค์ประกอบดังกล่าวแล้ว สิ่งที่จะช่วยในการแปลความหมายได้ถูกต้องมากขึ้นได้แก่ ลักษณะภูมิประเทศและการเลือกภาพในช่วงเวลาที่เหมาะสม
              หลักการวิเคราะห์ภาพถ่ายจากดาวเทียมด้วยสายตา ควรดำเนินการแปลและตีความจากสิ่งที่เห็นได้ง่าย ชัดเจนและคุ้นเคยเสียก่อนแล้วจึงพยายามวินิจฉัยในสิ่งที่จำแนกได้ยาก ไม่ชัดเจนในภายหลัง หรือเริ่มจากระดับหยาบๆก่อนแล้วจึงแปลในรายละเอียดที่หลัง
                2.2 การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ (Digital Analysis)
                   วิธีการจำแนกข้อมูลดาวเทียมด้วยระบบคอมพิวเตอร์แบ่งออกได้ 2 วิธี ได้แก่
                    2.2.1 การจำแนกประเภทข้อมูลแบบกำกับดูแล (Supervised Classification) เป็นวิธีการจำแนกข้อมูลภาพซึ่งจะต้องประกอบด้วยพื้นที่ฝึก (Training areas) การจำแนกประเภทของข้อมูลเบื้องต้น โดยการคัดเลือกเกณฑ์ของการจำแนกประเภทข้อมูล และกำหนดสถิติของของประเภทจำแนกในข้อมูล จากนั้นก็จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งภาพ และรวบรวมกลุ่มชั้นประเภทจำแนกสถิติคล้ายกันเข้าด้วยกัน เพื่อจัดลำดับขั้นข้อมูลสุดท้าย นอกจากนี้แล้วก็จะมีการวิเคราะห์การจำแนกประเภทข้อมูลลำดับสุดท้าย หรือตกแต่งข้อมูลหลังจากการจำแนกประเภทข้อมูล (Post-classification)
                    2.2.2 การจำแนกประเภทข้อมูลแบบไม่กำกับดูแล (Unsupervised Classification)
เป็นวิธีการจำแนกประเภทข้อมูลที่ผู้วิเคราะห์ไม่ต้องกำหนดพื้นที่ฝึกของข้อมูลแต่ละประเภทให้กับคอมพิวเตอร์ มักจะใช้ในกรณีที่ไม่มีข้อมูลเพียงพอในพื้นที่ที่การจำแนก หรือผู้ปฏิบัติไม่มีความรู้ความเคยชินในพื้นที่ที่ศึกษา วิธีการนี้สามารถทำได้โดยการสุ่มตัวอย่างแบบคละ แล้วจึงนำกลุ่มข้อมูลดังกล่าวมาแบ่งเป็นประเภทต่างๆ 

                 ประโยชน์ของ Remote sensing
                 การใช้เทคนิค Remote sensing ช่วยให้การตรวจสอบการเปลี่ยนแปลง ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องออกเก็บข้อมูลในพื้นที่จริง และยังให้ ความถูกต้องในระดับที่ยอมรับได้ นอกจากนี้บริเวณซึ่งมีการเปลี่ยนแปลง ของพื้นที่สามารถแสดงผลออกทางจอภาพ และจัดทำแผนที่แสดงการเปลี่ยนแปลงไปใช้งานได้ทันที ซึ่งเป็นการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ในการดำเนินงานมาก ทำให้การศึกษาเรื่องความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ เช่น ทรัพยากร ปลูกสร้าง ฯลฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
                 คุณสมบัติของภาพจากดาวเทียมสำรวจทรัพยากร
                 การบันทึกข้อมูลเป็นบริเวณกว้าง (Synoptic view) ภาพจากดาวเทียมภาพหนึ่งๆ ครอบคลุมพื้นที่กว้างทำให้ได้ข้อมูลในลักษณะต่อเนื่องในระยะเวลาบันทึกภาพสั้นๆ สามารถศึกษาสภาพแวดล้อมต่างๆ ในบริเวณกว้างขวางต่อเนื่องในเวลาเดียวกันทั้นภาพ เช่น ภาพจาก LANDSAT MSS และ TM หนึ่งภาพคลุมพื้นที่ 185X185 ตร.กม. หรือ 34,225 ตร.กม. ภาพจาก SPOT คลุมพื้นที่ 3,600 ตร.กม. เป็นต้น
                 การบันทึกภาพได้หลายช่วงคลื่น ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรมีระบบกล้องสแกนเนอร์ ที่บันทึกภาพได้หลายช่วงคลื่นในบริเวณเดียวกัน ทั้งในช่วงคลื่นที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า และช่วงคลื่นนอกเหนือสายตามนุษย์ ทำให้แยกวัตถุต่างๆ บนพื้นผิวโลกได้อย่างชัดเจน เช่น ระบบ TM มี 7 ช่วงคลื่น เป็นต้น
                 การบันทึกภาพบริเวณเดิม (Repetitive coverage) ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรมีวงโคจรจากเหนือลงใต้ และกลับมายังจุดเดิมในเวลาท้องถิ่นอย่างสม่ำเสมอและในช่วงเวลาที่แน่นอน เช่น LANDSAT ทุก ๆ 16 วัน MOS ทุกๆ 17 วัน เป็นต้น ทำให้ได้ข้อมูลบริเวณเดียวกันหลายๆ ช่วงเวลาที่ทันสมัยสามารถเปรียบเทียบและติดตามการเปลี่ยนแปลงต่างๆ บนพื้นผิวโลกได้เป็นอย่างดี และมีโอกาสที่จะได้ข้อมูลไม่มีเมฆปกคลุม
                 การให้รายละเอียดหลายระดับ ภาพจากดาวเทียมให้รายละเอียดหลายระดับ มีผลดีในการเลือกนำไปใช้ประโยชน์ในการศึกษาด้านต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ เช่น ภาพจากดาวเทียม SPOT ระบบ PLA มีรายละเอียด 10 ม. สามารถศึกษาตัวเมือง เส้นทางคมนาคมระดับหมู่บ้าน ภาพสีระบบ MLA มีรายละเอียด 20 ม. ศึกษาการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เฉพาะจุดเล็กๆ และแหล่งน้ำขนาดเล็ก และภาพระบบ TM รายละเอียด 30 ม. ศึกษาสภาพการใช้ที่ดินระดับจังหวัด เป็นต้น
                 ภาพจากดาวเทียมสามารถให้ภาพสีผสม (False color composite) ได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่ต้องการขยายรายละเอียดเฉพาะเรื่องให้เด่นชัดเจน สามารถจำแนกหรือมีสีแตกต่างจากสิ่งแวดล้อม
การเน้นคุณภาพของภาพ (Image enhancement) ภาพจากดาวเทียมต้นฉบับสามารถนำมาปรับปรุงคุณภาพให้มีรายละเอียดเพิ่มขึ้น โดยการปรับเปลี่ยนค่าความเข้ม ระดับสีเทา เพื่อเน้นข้อมูลที่ต้องการศึกษาให้เด่นชัดขึ้น

ระบบเก็บข้อมูลของดาวเทียม
                 ดาวเทียมแลนด์แซด มี 2 ระบบ (สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ. 2546 : 18) คือ
                  1. ระบบ MSS (Multispectral Scanner) มี 4 ช่วงคลื่น คือ แบนค์ 4 และ 5 ให้รายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะภูมิประเทศทางน้ำถนนแหล่งชุมชน การใช้ที่ดิน และการเปลี่ยนแปลงของพืชพรรณ ป่าไม้พื้นที่เพาะปลูก และธรณีโครงสร้าง ข้อมูล MSS 1 ภาพครอบคลุมพื้นที่ 185x80 ตารางกิโลเมตรมีรายละเอียดข้อมูล (resolution) 80x80 เมตร
                 2. ระบบที่ได้รับการปรับปรุงให้รายละเอียดดีกว่า MSS คือระบบ TM (Thematic Mapper) มีการบันทึกข้อมูลใน 7 ช่วงคลื่น โดยช่วงคลื่นที่ 1 – 3 หรือ แบนด์ 1 – 3 เหมาะสำหรับทำแผนที่บริเวณชายฝั่ง และจำแนกความแตกต่างระหว่างดินกับพืชพรรณ แบนด์ 4 ใช้กำหนดปริมาณของมวลชีวภาพ (biomass) และจำแนกแหล่งน้ำ แบนด์ 5 ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความชื้นของดิน ความแตกต่างระหว่างเมฆกับหิมะ แบนด์ 6 ให้หาแหล่งความร้อน แบนด์ 7 ใช้จำแนกชนิดของหิน และการทำแผนที่แสดงบริเวณ hydrothermal มีรายละเอียดข้อมูล 30x30 เมตร (ยกเว้นแบนด์ 6 มีรายละเอียด 120x120 เมตร) ปัจจุบันดาวเทียมแลนด์แซด 7 ได้ถูกส่งขึ้นไปปฏิบัติงานเมื่อ 15 เมษายน 2542 โดยมีระบบบันทึกข้อมูลที่เรียกว่า ETM+ (Enhance Thematic Mapper Plus) ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนาจาก TM โดยในแบนด์ 6 ช่วงคลื่นความร้อน ได้รับการพัฒนาให้มีรายละเอียดสูงถึง 60 เมตร และได้เพิ่ม แบนด์ Panchromatic รายละเอียด 15 เมตร เข้าไปอีก 1 แบนด์
            ข้อมูลเกี่ยวกับดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติแลนด์แซด (Landsat)
             1. ลักษณะของดาวเทียมแลนด์แซด 1 – 2 และ 3
                - มีขนาดเล็ก รูปร่างคล้ายผีเสื้อ มีน้ำหนักประมาณ 953 กิโลกรัม สูงประมาณ 3 เมตร กว้างประมาณ 1.5 เมตร มีแผงรับพลังงานจากดวงอาทิตย์คล้ายปีกสองข้าง มีความกว้างประมาณ 4 เมตร (ภาพที่ 1) วงโคจรสูงประมาณ 900 กิโลเมตร และความเร็ว 6.5 กิโลเมตร
                - ระบบเก็บข้อมูล ระบบ MSS (Multispectral Scanner) มี 4 ช่วงคลื่น
                              
                                           ภาพที่ 1
             2. ดาวเทียมแลนด์แซด 4 – 5 (ภาพที่ 2) ได้รับการออกแบบให้มีความซับซ้อนกว่าดาวเทียมแลนด์แซด 1 – 2 และ 3               
                - รูปร่างถูกดัดแปลงเพื่อปรับปรุงทางด้านความสามารถในการควบคุมวิถีโคจรของดาวเทียมเพิ่มขึ้น มีความสามารถที่เหนือกว่าดาวเทียมแลนด์แซด 1 – 2 และ 3 คือการใช้สื่อสารระบบ Tracking and Data Relay Satellite (TDRS) ที่สามารถถ่ายทอดข้อมูลจากดาวเทียมไปสู่โลกในเวลาที่ใกล้เคียงกับเวลาบันทึกภาพ (Real time) ช่วยลดปัญหาเครื่องบันทึกเทปที่มีข้อจำกัดด้านอายุการใช้งาน
                - ระบบเก็บข้อมูล ระบบ TM (Thematic Mapper) มีการบันทึกข้อมูลใน 7 ช่วงคลื่น
                                
                                            ภาพที่2
               3. ดาวเทียมแลนด์แซด 6 ที่ได้สูญหายไปจากวงโคจร (ภาพที่ 3)
                               
                                         ภาพที่ 3
               4. ปัจจุบันดาวเทียมแลนด์แซด 7 (ภาพที่ 4) ได้ถูกส่งขึ้นไปปฏิบัติงานเมื่อ 15 เมษายน 2542 โดยมีระบบบันทึกข้อมูลที่เรียกว่า ETM+ (Enhance Thematic Mapper Plus) ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนาจาก TM โดยในแบนด์ 6 ช่วงคลื่นความร้อน ได้รับการพัฒนาให้มีรายละเอียดสูงถึง 60 เมตร และได้เพิ่ม แบนด์ Panchromatic รายละเอียด 15 เมตร เข้าไปอีก 1 แบนด์ 

                                

เเหล่งที่มา


เเหล่งที่มาเพิ่มเติม


คลิปวีดีโอเกี่ยวกับการสำรวจระยะไกล












วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หลักการทำงานของระบบตรวจวัดระยะไกล


      หลักการทางานของระบบตรวจวัดจากระยะไกล
   ผังการทางานพื้นฐาน
โดยปกติผังการทางานพื้นฐานของระบบ RS ร่วมกับ GIS (เรียกว่า “ระบบภูมิสารสนเทศ”) จะเป็นดังนี้
ด้วยเหตุนี้ การศึกษาทาง ภูมิสารสนเทศ (geoinformatics) จะประกอบไปด้วยเนื้อหา 3 ส่วนหลัก คือ
1. การตรวจวัดจากระยะไกล (remote sensing) 2. การวิเคราะห์และแปลภาพ (image processing) และ
3. ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์และการประยุกต์ (GIS-based Applications)

      จะเห็นได้ว่า ผังการทำงาน พื้นฐานของระบบ RS ร่วมกับ GIS จะแยกออกได้เป็น 5 ส่วน ดังนี้
1. การได้มาซึ่งข้อมูล (data acquisition)
2. การแก้ไขและปรับแต่งข้อมูล (data correction and enhancement)
3. การวิเคราะห์และแปลข้อมูล (data analysis and interpretation) และ
4. การแสดงผลและการจัดเก็บข้อมูล (data presentation and database management)
5. การประยุกต์ใช้ข้อมูลร่วมกับเทคนิคทาง GIS (GIS-based data application)

       ในส่วนของ การได้มาซึ่งข้อมูล จะมีองค์ประกอบหลักอยู่ 2 ส่วน คือ
   
        1. แหล่งข้อมูล (source) ในที่นี้ หมายถึง พื้นที่เป้าหมาย ของการสารวจ ซึ่งอาจอยู่บนผิวโลกหรือในบรรยากาศของโลกก็ได้ แต่ที่สาคัญ ต้องเป็นเขตที่สามารถ สร้างหรือสะท้อน สัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (EM Wave)ออกมาได้ สาหรับเป็นสื่อในการตรวจวัดโดยอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่

        2. เครื่องตรวจวัดจากระยะไกล (remote sensor) เป็นอุปกรณ์ซึ่งถูกออกแบบมาสาหรับการตรวจวัดสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งออกมาจากพื้นที่เป้าหมาย แยกตามช่วงคลื่นที่เหมาะสม โดยมันมักถูกมักติดตั้งไว้บนเครื่องบิน บอลลูน หรือ บนดาวเทียม ทาให้สามารถสารวจผิวโลกได้เป็นพื้นที่กว้าง
สาหรับในส่วนของ การแก้ไขและปรับแต่งข้อมูล เป็นการปรับแก้ข้อมูลให้มีความถูกต้องและเหมาะสมสาหรับใช้

       ในการประมวลผลมากยิ่งขึ้น โดยการปรับแก้จะแบ่งเป็น 2 แบบหลัก คือ
1. การปรับแก้ ความคลาดเคลื่อนเชิงรังสี (radiometric correction) - ปรับแก้เชิงโทนสี และ
2. การปรับแก้ความ คลาดเคลื่อนเชิงเรขาคณิต (geometric correction) - ปรับแก้เชิงขนาดและรูปร่าง
สำหรับ การวิเคราะห์และแปลข้อมูล (data analysis and interpretation) เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อใช้งานตามวัตถุประสงค์ของสิ่งที่ต้องการทา ที่สาคัญคือเทคนิค การจาแนกองค์ประกอบ ของภาพดาวเทียมหรือภาพถ่ายทางอากาศ เป็นต้น (เรียกว่า image classification)
สำหรับในส่วนของ การแสดงผล และ การจัดเก็บข้อมูล เป็นขั้นตอนของการเผยแพร่ผลการศึกษาต่อผู้สนใจรวมไปถึงการจัดเก็บข้อมูลและผลการศึกษาดังกล่าว สาหรับใช้เป็น ฐานข้อมูล ของงานในอนาคต ในรูปของผลิตภัณฑ์สารสนเทศ (IT product) เช่น บันทึก รายงาน หรือ สิ่งตีพิมพ์ เป็นต้น
 ขั้นสุดท้าย คือการนาเอาข้อมูลและผลการศึกษาที่ได้จากกระบวนการทาง RS ไปใช้ ในการศึกษาวิจัยอื่น ๆ โดยใช้เทคนิคทาง GIS (geographic information system) เข้ามาช่วย ซึ่งเราจะได้เรียนมากขึ้นในวิชา GIS
ที่มา: Lillesand and Kiefer (2000)




ความหมายของคำว่า "Rrmote Sinsing"


    ความหมายของคำว่า “Remote Sensing”
การสำรวจ ทางภูมิศาสตร์ (geographic surveying) โดยทั่วไป อาจแบ่งออกได้เป็น 2 แบบหลัก คือ
1. การสำรวจในพื้นที่หรือสถานการณ์จริง (in situ measurement) และ
2. การสำรวจจากระยะไกล (remote sensing)
คาว่า “Remote Sensing: RS” เริ่มถูกนามาใช้เป็นครั้งแรกโดยนักวิจัยในประเทศสหรัฐอเมริกาในยุค 1960s
ซึ่งเป็นช่วงที่การตรวจวัดจากระยะไกล ด้วยดาวเทียม (Satellite RS) ได้รับการพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาและในสหภาพโซเวียต
“Remote Sensing” เป็นศาสตร์ของการศึกษาโครงสร้างและองค์ประกอบของพื้นผิวและชั้นบรรยากาศโลก
จากระยะไกล โดยอาศัยอุปกรณ์การตรวจวัด ซึ่งมักใช้ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นสื่อในการได้มาซึ่งข้อมูล เช่น
กล้องถ่ายภาพทางอากาศ เรดาร์ หรือ เครื่องกวาดภาพบนดาวเทียม เป็นต้น
สำหรับชื่อเรียกคานี้ใน ภาษาไทย ที่พบทั่วไป จะมีอยู่ 4 แบบ คือ
1. การรับรู้จากระยะไกล (ราชบัณฑิตฯ) 2. การสารวจข้อมูลจากระยะไกล
3. การตรวจวัดข้อมูลจากระยะไกล 4. ระบบสัมผัสระยะไกล


     คำจำกัดความของ “Remote Sensing”
สำหรับ คาจากัดความ ของคานี้ ที่เป็น ภาษาไทย มีเช่น
1. วิทยาศาสตร์และศิลปะของการได้มาซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับ วัตถุ พื้นที่ หรือ ปรากฏการณ์ จากเครื่องบันทึกข้อมูล
โดยปราศจากการเข้าไปสัมผัสวัตถุเป้าหมาย ทั้งนี้โดยอาศัยคุณสมบัติของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นสื่อ
ในการได้มาของข้อมูล (สุรชัย รัตนเสริมพงศ์ 2536)
สำหรับคำจำกัดความซึ่งเป็น ภาษาอังกฤษ ของ คาว่า “Remote Sensing” มีอาทิเช่น
1. The acquisition of physical data of an object without touch or contact. (กว้างที่สุด)
2. Science of acquiring, processing and interpreting images that record
the interaction between electromagnetic energy and matter.
3. The instrumentation, techniques and methods to observe the Earth’s surface at
a distance and to interpret the images or numerical values obtained in order to
acquire meaningful information of particular object on Earth.
4. Science and art of obtaining information about an object, area, or phenomenon
through the analysis of data acquired by a device that is not in contact with
the object, area or phenomenon under investigation.


         องค์ประกอบของระบบ RS
 คำจำกัดความ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษดังกล่าว ทาให้เราสามารถ จาแนก องค์ประกอบของระบบ
การตรวจวัดจากระยะไกลออกได้เป็น 3 ส่วนหลัก คือ
1. แหล่งข้อมูลของการตรวจวัด (Target Sources) :ในที่นี้คือ พื้นผิวโลก และ ชั้นบรรยากาศโลก
2. อุปกรณ์การตรวจวัดจากระยะไกล (Remote Sensor) : มักใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นสื่อในการตรวจวัด
3. ระบบการประมวลผลข้อมูล (Data Processing System) : ใช้ผู้ปฏิบัติการและระบบคอมพิวเตอร์

      ในช่วงแรก ๆ (ยุค 1960s) คาว่า “Remote Sensing” จะใช้มากในการศึกษาวิจัยทางภูมิศาสตร์โดยเฉพาะการรังวัดภาพถ่าย (photogrammetry) และการแปลภาพถ่ายทางอากาศ และภาพถ่ายดาวเทียมด้วยสายตาเป็นหลัก(เนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์ยังไม่ได้รับการพัฒนามากนัก)
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ยุค 1970s เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน คานี้มักจะถูกใช้กับงานสารวจโดยอุปกรณ์ที่ติดตั้งไว้บนดาวเทียมสารวจแผ่นดิน (land observation satellite) เช่น Landsat หรือ SPOT และดาวเทียมสารวจสภาพอากาศของโลก (weather satellite) เช่น GOES, GMS หรือ NOAA เป็นสาคัญ
สังเกตว่า “ดวงตา” (eyes) ของเรา อาจถือเป็นอุปกรณ์การสารวจระยะไกลประเภทหนึ่ง โดยมี สมอง ของเราทางานคล้ายกับเป็น หน่วยประมวลผล (processing unit) หรือหน่วยแปลความหมายของข้อมูลที่ได้รับผ่านสายตาของเรามา (หลักการทางานคล้ายกล้องถ่ายรูป)

ภาพเปรียบเทียบการทางานของ กล้องถ่ายภาพ และ ดวงตามนุษย์ ซึ่งจะมีหลักการคล้ายกันมาก